วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวกระทำผิดเกี่ยวกับ พรบ. คอมพิวเตอร์

จับ2-ปล่อยข่าว อัปมงคล โพสต์"เน็ต"หุ้นดิ่ง
ล็อกคาสนามบิน บิ๊กค้าหุ้นยูบีเอส สาว43รับข้อหา อีกคนหนุ่มซิมิโก้ ยึดคอมพ์-สาวต่อ
ตร.รวบแล้ว 2 ตัว การปล่อยข่าวลืออัปมงคลทำหุ้นตก คนแรกเป็นพนักงานชายย่านสีลม ค้นที่อยู่พบหลักฐานโพสต์ข้อความลงเว็บไซต์ อีกคนเป็นผู้บริหารหญิงของหลักทรัพย์ ยูบีเอส ตร.ไปรอจับที่สุวรรณภูมิ หลังลงเครื่องกลับจาเวียนนา สารภาพโพสต์ข้อความตามสำนักข่าวต่างประเทศ ไม่มีเจตนาปั่นหุ้น อ้างประชาชนอยากรู้ว่าทำไมหุ้นตก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 พ.ย. พล.ต.ต. ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก. พล.ต.ต.อดิษร์ งามจิตสุขศรี                             ผบก.ทท. พ.ต.อ.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองผบก.ปอท. พ.ต.อ.อชายน ไกรทอง กก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.พันธนะ นุชนารถ รองผกก.1 บก.ทท. นำกำลังจับกุมนายคธา ปาจาจริยพงษ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/156 ซอยปลูกจิตต์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ซิมิโก้ จำกัด ในความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อความลงเว็บไซต์เกี่ยวกับข่าวลือร้ายแรง จนทำให้ตลาด หลักทรัพย์ของไทยมีมูลค่าซื้อขายลดลงอย่างมากภายในวันเดียว โดยควบคุมตัวได้ที่อาคารลิเบอร์ตี้ ย่านสีลม ก่อนนำตัวไปสอบสวนขยายผลและตรวจค้นที่อยู่ พบเอกสารข้อความที่นำไปเขียนลงในเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน
ต่อมาเวลา 15.15 น. พล.ต.ต.ปัญญานำกำลังไปจับกุมน.ส.ธีรนันตŒ วิภูชนิน อายุ 43 ปี อดีตผู้บริหาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ยูบีเอส อยู่บ้านเลขที่ 368 ซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ที่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลังเดินทางกลับจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบินออสเตรีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OS-0025
เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชน ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ตามหมายจับศาลอาญาวันที่ 30 ต.ค. 2552 พร้อมของกลางโน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง กล้องดิจิตอล 1 ตัว เอส ดีการ์ด 1 อัน และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง โดยเป็นผู้แปลข้อความตามที่เป็นข่าวที่อ่านพบจากเว็บไซต์ของสำนักข่าวต่างประเทศ ก่อนนำมาลงโพสต์เว็บประชาไทที่เป็นสมาชิกอยู่ โดยใช้ชื่อว่า BBB ทั้งนี้เนื่องจากวันดังกล่าว หุ้นตกลงอย่างมาก ประชาชนอยากรู้ว่าเกิดจากอะไร จึงโพสต์ข้อความลงไปตามข่าวที่ได้จากสำนักข่าวต่างประเทศ ไม่ได้มีเจตนาเผยแพร่ข้อความเพื่อทำให้หุ้นตก
ภายหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นบ้านพัก เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ก่อนนำตัวไปสอบ สวนดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
กระทั่งเวลา 18.30 น. พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.ธีรนันตŒ วิภูชนิน อดีตผู้บริหารบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ ยูบีเอส ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และนายคธา ปาจาจริยพงษ์ พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ซิมิโก้ จำกัด ว่า ภายหลังเกิดกระแสข่าวลือที่ทําให้หุ้นตกอย่างรุนแรง รัฐบาลสั่งการบก.ปอท. และตํารวจท่องเที่ยว ร่วมกันสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทําผิด
ผบช.ก.แถลงต่อว่า ภายหลังสืบสวนสอบ สวนพบผู้กระทําความผิดจํานวน 2 ราย จึงขอศาลอนุมัติหมายจับกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ทั้งคู่ ก่อนนําตัวไปตรวจค้นและยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เผยแพร่ข้อความลงในเว็บไซต์ ส่วนรายละเอียดลึกๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล เบื้องต้นแจ้งข้อหาทั้ง 2 คน คือ กระทําผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) โดยผู้ใดกระทําความผิดหรือนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือตื่นตระหนกต่อประชาชน มีอัตราโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่ตรวจยึดมา หากพบว่าเกี่ยวพันกับผู้อื่นผู้ใดอีกจะเรียกตัวมาสอบสวน หากผิดก็จะแจ้งข้อหาเช่นเดียวกัน
ที่มา     http://www.thaiitwatch.org
สรุปข่าว
ล.ต.ต.ปัญญานำกำลังไปจับกุมน.ส.ธีรนันตŒ วิภูชนิน อายุ 43 ปี อดีตผู้บริหาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ยูบีเอส ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชน อยู่ระหว่างการดำเนินคดีต่อไป
การกระทำผิดและบทลงโทษ
ข่าวข้างต้นเกี่ยวข้องกับกระทําผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2)โดยผู้ใดกระทําความผิดหรือนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือตื่นตระหนกต่อประชาชน มีอัตราโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
วิธีการป้องกันและแก้ไข
เนื่องจากปัญหาดังกล่าวมีการกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ควรมีความเข้มงวดในการตรวจตรา และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างจริงจัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น